วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาษาคอมพิวเตอรืในแต่ระยุคประกอบด้วย


        ภาษาเครื่อง(Machine Languages)
        เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าใช้แทนด้วยตังเลข 0 และ 1 ได้ ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ ใช้ตังเลข 0 และ 1 นี้เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงงานคอมพิวเตอร์ รหัสแทนข้อข้อมูลและคำสั่งโดยใช้ระบบเลขฐานสองนี้ คอมคพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เราเรียกเลขฐานสองที่ประกอบกันเป็นชุดคำสั่งและใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ว่าภาษาเครื่อง
       การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันทีแต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมาก เพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สรางภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นที่เป็นตังอักษร

      ภาษาแอสเซมบลี(Assembly Languages)
      เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 2 ถัดจากภาษาเครื่อง ภาษาแอสเซมบลีช่วยลดความยุ่งยากลงในการเยนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับคอมพิวเตอร์ 
      แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบลีก็ยังมีความใกล้เคียงภาษาเครื่องอยูมาก และจำเป็นต้องใช้ตัวแปลภาษาที่เรียกว่าแอสเซมเบลอร์(Assembler)เพื่อแปลชุดภาษาแอสเซมมบลีให้เป็นภาเครื่อง

     ภาษาระดับสูง(High-Languages)
     เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เริ่มมัการใช้ชุดคำสั่งที่เรียนกว่า Statements ที่มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังกฤษ  ทำให้ผู้ที่เขียนโปแกรมสามารถเข้าใจชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้น ผู้คนทั่วไปสามารถเรียนรู้และเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากภาษาระดับสูงใกล้เคียงภาษามนุษย์ ตัวแปลภาษาระดับสูงเพื่อให้เป็นภาษาเครื่องนั้นมัอยู่ 2ชนิด ด้วยกัน คือ   คอมไพเลอร์ (Compiler )และ อินเทอร์พรีเตอร์(Interpreter)  
  -คอมไพเลอร์
      จะทำการแปลโปรแกรมที่เขียนเป็นภาษาระดับสูง ทั้งโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่องก่อน แล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามภาษาเครื่องนั้น
  -อินเทอร์พรีเตอร์
      จะทำการแปล ทัละคำสั่ง  แล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่งสั้ เมื่อทำเสร็จแล้วจึงมาทำการแปลคำสั่งต่อไป ข้อแตกต่างระหว่างคอมไพเลอร์กับอินเทอร์พรีเตอร์จึงอยู่ที่การแปลทั้งโปรแกรมหรือแปลทีละคำสั่ง


*การทำงานของระบบ Network และ Internet

โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.เครือข่ายเฉพาะที่(Local Area Network : LAN)
        เป็นเครือข่ายที่มักพบเห็นกันในองค์กรโดยส่วนใหญ่ลักษณะของการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นวง LAN จะอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆกัน เช่น อยู่ภายในอาคาร หรือหน่วยงานเดียวกัน
2.เครือข่ายเมือง(Metropolitan Area Network : MAN)
        เป็นกลุ่มของเครือข่าย LAN ที่นำมาเชื่อมต่อกันเป็นวงที่ใหญ่ขึ้น ภายในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ในเมืองเดียวกัน เป็นต้น 
3.เครือข่ายบริเวณกว้าง(Wide Area Network : WAN)
        เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับ โดยเป็นการรวมเครือข่ายทั้ง LAN และ MAN มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายเดียวกัน ดังเครือข่ายนี้จึงครอบคลุมพื้นที่กว้าง โดยมีการครอบคลุมไปทั่วประเทศ หรือทั่วโลก เช่น อินเตอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นเครือข่ายสถานะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น